EGCG อีจีซีจี สารสกัดจากชาเขียว

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 25580 ความคิดเห็น

กิฟฟารีน  อี จี ซี จี แมกซ์
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลุ่มสมุนไพรไทย

วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร

คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

ขนาด 30 แคปซูล

รหัสสินค้า :41017

รหัสคูปองส่วนลด 25% : 45059990

ราคาพิเศษ 990 บาท

(ราคาปกติ 1320 บาท)


ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล สารสกัดจากชาเชียว (อีจีซีจี 94%) 159.57 มก. (ให้อีจีซีจี 150 มก.)

ประโยชน์ของ "ชาเขียว"

ชาเขียว ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากมายหลายประการ โดยมีสารสำคัญที่ทำให้เกิดประโยชน์ (Active Health Component) ที่เรียกว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) หรือเรียกกันทั่วไปว่า คาเทชิน (Catechins) ซึ่ง Catechins นี้จะมีปริมาณ 30-40 % ของส่วนที่เป็นของแข็งที่สามารถสกัดได้จากใบชาเขียวแห้ง

คาเทชินที่อยู่ในชาเขียว ประกอบไปด้วย Epigallocatechin-3-gallate (EGCG), Epicatechin-3-gallate, Epicatechin, Epigallocatechin, Gallocatechin gallate and Catechin ในทั้งหมดนี้ สารที่มีมากที่สุดคือ Epigallocatechin-3-gallate หรือ อี จี ซี จี (EGCG) ขนาดใบชาเขียวแห้ง 1 ซอง (1.5 กรัมต่อซอง) จะให้ EGCG ประมาณ 35 – 110 mg EGCG นับได้ว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในชาเขียว และมีปริมาณมากที่สุด  มีความแรงของการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า วิตามินซี และวิตามินอี 25-100 เท่า การรับประทานชาประมาณ 1 แก้วต่อวัน จะให้สารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าการรับประทาน แครอท บรอคเคอรี ผักโขมและสตรอเบอร์รี ในขนาดที่รับประทานในแต่ละมื้อ และมีหลายงานวิจัยระบุว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

1. ช่วยลดความอ้วน ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (Stimulates Fat Oxidation) มีรายงานวิจัยที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า EGCG ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน และมีรายงานการทดลองในคนแล้วว่า ช่วยลดความอ้วนได้(อ้างอิงที่ 5-8) นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่ทำในคนไทย โดยแบ่งผู้ที่น้ำหนักเกินเป็นสองกลุ่ม ได้รับสารสกัดชาเขียว และยาปลอม กลุ่มที่ได้รับชาเขียวมีน้ำหนักน้อยกว่า 2.7, 5.1 และ 3.3 ก.ก. ในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ของการวิจัย

2. ช่วยลดไขมันในเลือด แม้จะลดไขมันในเลือดได้ไม่มากนักแต่ก็มีงานวิจัยที่ดีรองรับสองงานวิจัย ในงานวิจัยแรก พบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงการดื่มชาในปริมาณปานกลางหรือปริมาณมากร่วมด้วย จะลดปริมาณ ไขมันในเลือดชนิด ไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังทานอาหารและดื่มชา โดยลดการเพิ่มระดับของไขมันชนิด ไตรกลีเซอรไรด์ในเลือดได้ถึง 15.1-28.7%  อีกงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาประมาณ สองถ้วยต่อวัน สามารถลดไขมันในเลือดชนิดโคเลสเตอรอลลงได้เล็กน้อย (119.9 เป็น 106.6 มก./ดล.) แต่ก็มีนัยสำคัญทางคลินิก

3. ช่วยโรคเส้นเลือดอุดตัน มีรายงานวิจัยว่า สารสำคัญในชาเขียว สามารถลดการหดเกร็งของเส้นเลือดฝอย ลดการเกิดตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดฝอย ทำให้ลดอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Myocardial Infarction) และอัมพฤกษ์ อัมพาตจากเส้นเลือดตีบตัน (Stroke) นอกจากนี้ EGCG ยังเป็นตัวยับยั้งการเกิด การสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิด การสะสมสร้างตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดจากโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิด เส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน (Atherosclerosis) และลดอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (Coronary Atherosclerosis) ในงานวิจัยในสัตว์ทดลองยังลดการเกิดเส้นเลือดในปอดตีบตัน (Pulmonary Thrombosis) อีกด้วย ส่งให้เป็นผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจ ไม่นานนี้มีงานวิจัยทางระบาดวิทยาในคนญี่ปุ่น พบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียว จะลดการเกิดโรคเส้นเลือดทางสมองทั้งโรคเส้นโลหิต ในสมอง แตก (Cerebral hemorrhage) และเส้นเลือดสมองตีบ (Cerebral infarction) ได้จริง

4. ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านมะเร็ง (Antioxidant and Anticancer) ชาเขียวมีผลต่อการยับยั้งการเกิดมะเร็งได้หลายชนิดทั้งในคนและสัตว์ เพราะมีฤทธิ์ทางด้านการต้านอนุมูลอิสระอย่างมาก จากการวิเคราะห์งานวิจัยที่เชื่อถือได้ของ Cochrane Database ตีพิมพ์ล่าสุด จำนวน 51 งานวิจัยทั่วโลก แม้จะมีจำนวนงานวิจัยที่จำกัด พบว่าการดื่มชาเขียว ลดอุบัติการณ์เกิด มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับอ่อน

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยเพิ่มเติมว่า การดื่มชาเขียวปริมาณมากยังลดการเกิด มะเร็งมดลูก (endometrial adenocarcinoma) มะเร็งเต้านม และมะเร็งถุงน้ำดี ได้อีกด้วย การดื่มชาเขียวที่ร้อนมีงานวิจัยว่าอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารใน ชาวตะวันออกกลาง ยิ่งร้อนมากยิ่งเพิ่มมาก
แต่ก็พบว่ากลับลดการเกิด มะเร็งหลอดอาหาร ในชาวเอเชีย และสำหรับคนเอเชีย อาหารที่ร้อนจัดอื่น ๆ จะเพิ่มการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร

ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ถ้าจะดื่มชาร้อน ก็ไม่ควรให้ร้อนจัดจนเกินไป
ทั้งนี้เพราะสารสกัดประเภทโพลีฟีนอลในชาเขียวมีผลยับยั้งมะเร็งจำนวนมากด้วยกลไกที่หลากหลายโดยเฉพาะสารสำคัญตัวหนึ่งในชาเขียวคือ epigallocatechin-3-gallate (EGCG) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณภาพสูงในชาเขียว ยังมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งของคนได้หลายชนิดอย่างชัดเจน

ที่มีงานวิจัยในเซลล์มะเร็งของคนพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญการแบ่งตัว และทำลายเซลล์มะเร็งของคนได้หลายชนิด ได้แก่ 

-มะเร็งกระเพาะอาหาร 
-มะเร็งปอด 
-มะเร็ง ต่อมน้ำเหลืองชนิด นอนฮอดกินจ์ Human high-grade non-Hodgkin’s lymphoma ) มะเร็งหู คอ จมูก Human head and neck squamous cell carcinoma 
-มะเร็งตับ 
-มะเร็งปากมดลูก
-มะเร็งต่อมลูกหมาก 
-มะเร็งสมอง ชนิด Medulloblastoma 
-มะเร็งเต้านม
-มะเร็งลำไส้ใหญ่ 
-มะเร็งรังไข่ 
-มะเร็งผิวหนังที่เกิดจากไฝ Human melanoma 
-มะเร็งตับอ่อน 
-มะเร็ง เม็ดเลือดขาวหกชนิด ได้แก่ Lymphoblastoid B cells, Myeloid leukemic cells, B cell, Multiple myeloma และ HL 60 และ HL 62 
-มะเร็ง ปาก Oral carcinoma cell 
-มะเร็งกระดูก 
-มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 
-มะเร็งท่อน้ำดี 
-มะเร็งต่อมหมวกไต 

ข้อควรระวังในการดื่มชาเขียวคือ ในชาเขียวตามธรรมชาติ มีสารคาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ไม่ง่วงนอน จึงเป็นที่แนะนำว่า ไม่ควรรับประทาน ชา/กาแฟ ก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ และไม่ควรบริโภคในเด็ก นอกจากนี้ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด
(เพราะอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารได้ จากบางวิจัยตะวันออกกลาง แม้ในเอเชียจะลดมะเร็งนี้ก็ตาม)

สารสกัดจากชาเขียว อีจีซีจี จะมีคุณประโยชน์เทียบเท่ากับการดื่มชาเขียวคุณภาพดี แต่จะมีสารคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยมากๆ คือในปริมาณ เพียง 0.05 ม.ก. ซึ่งน้อยกว่าชาเขียวที่ชงดื่มทั่วไป ถึงประมาณ 900 เท่า ทำให้ไม่มีผลต่อการกระตุ้นประสาท หรือนอนไม่หลับ แต่อย่างใด และไม่มีอันตรายหรือความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นจากการดื่มชา ที่ร้อนอีกด้วย


สนใจผลิตภัณฑ์ ช่องทางการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์นี้ คลิ๊ก

  
Share this article :
 
Support : Creating Website | Yut Anattara | Mas Template
Copyright © 2011. กิฟฟารีนออนไลน์ - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger